ไปถึงเช้าเกิน ระหว่างนั่งรอครูเตรียมของ ก็เก็บภาพบรรยากาศรอบๆแทน แล้วที่บ้านนี้ก็จะมีแมวขาวๆตัวนึง ชอบมาแย่งที่นั่งเรา 😅😅

ครูที่สอนคอร์สปั้นมือ ชื่อ ครูนิ้ง ตอนเริ่มเรียนครูจะสอนตามนี้

• สอนปั้นชามหมีเกาะ
• การรีดดิน
• การใช้บล็อคให้ดินอยู่ทรง 
• การทำให้พื้นผิวเรียบ
• นอกจากนี้ก็ปั้นหมีเกาะตรงชามให้ดู
• สอนปั้นถ้วยแบบมีหู
• การทำชิ้นส่วนข้างแก้ว
• การทำฐานแก้ว
• การเกลี่ยดินให้เรียบเป็นเนื้อเดียวกันทั้งด้านในและด้านนอก

อันนี้เรียนประมาณชั่วโมงนึง ที่เหลือครูก็ให้ฝึกปฏิบัติ โดยให้เวลาถึงบ่ายสอง กับกระติกดินสำหรับปั้นเท่าไหร่ก็ได้ ตอนทำมันก็จะเพลินๆ มีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น สุดท้ายก็ทำชิ้นส่วนออกมาได้แล้ว



อันแรกก็ตัดสินใจทำแบบที่ครูสอนก่อน คือชามแมวเกาะ และแก้วที่มีหูกระต่ายกับฝาปิด แถมมีอุ้งมือและขาครบ จากนั้นก็ทำฝาปิด แค่นี้ก็เหนื่อยมากละ กินเวลาไปถึงบ่ายโมง 

เราเลยแวะพักไปหาอะไรกินแถวๆนั้น เดินเลี้ยวขวาไปเรื่อยๆ เลียบทางฟุตบาท จะเจอร้าน Sa-nooM Cafe ลักษณะแบบบ้านไม้ไผ่ มีเลี้ยงเป็ดแถวๆนั้นด้วย ในร้านเมนูมีพวกส้มตำ แกงจืด ฯลฯ แบบเป็นกับข้าว อาหารจานเดียวก็มี ราคา 70-80 บาท เราเลยสั่งกะเพราทะเล รสชาติก็พอใช้ได้

รีบกินแล้วรีบกลับไปทำงานต่อ ทีนี้ตั้งใจมากๆว่า จะต้องปั้นหมาหน้ายาวให้ได้ (บลูเทอเรียรึเปล่า) กับเวลาอีกครึ่งชั่วโมงที่เหลือ คือรีบปั้นมาก จนลืมปั้นหู แต่ไม่ทันแล้ว เพราะดินเริ่มแข็งตัว กลายเป็นหมาหูด้วนเลย 😓😥

ทีนี้ถึงบ่ายสองแล้ว ครูก็ให้ลงสี ไม่ได้อธิบายอะไรมาก เพราะบอกแค่ว่าสีไหนทาแล้วโทนสีเป็นยังงัย แล้วในถาดสี จะมีเขียนชื่อสีกำกับอยู่ ซึ่งสีที่ดูยากจะมี สีน้ำเงิน สีม่วงเข้ม แล้วก็ม่วงอ่อน เพราะดูไม่ออกว่าเป็นสีอะไรกันแน่

เวลาลงสี มันก็จะหงุดหงิดหน่อย ตรงที่พอลงไปแล้ว มันดูไม่ค่อยออกว่า ลงสีเรียบ เสมอกันมั้ย แล้วมันยากตรงที่พูกันปลายมันขนาดกลางถึงเล็ก เวลาระบายมันก็ช้าเกินแล้วไม่เรียบด้วย เพราะมันเห็นรอยต่อ
ยิ่งตอนทาสีน้องหมานี่มึนมาก เพราะปั้นเสร็จไม่นาน แล้วดินมันยังไม่แห้งดี ตอนทาสีลงไปนี่โอยย เครียดดด!!! มองไม่เห็นอะไรเลย เพราะสีดินดำสนิท แล้วเราก้อทาสีดำทับลงไปอีก มองไม่เห็นเล้ยยย ยังดีที่ดินนี้เวลาเผามันจะออกสีเนื้อ เราเลยไม่ทาละ อยากได้สีขาว แต่ขี้เกียจ แล้วมันบ่ายสามครึ่งละ ตกแต่งนิดนึงก็พอแล้ว

ค่าเรียนมัดจำไป 200 บาท เหลือค่าเรียนอีก 300 บาทที่ยังไม่จ่าย ส่วนชิ้นงานมีทั้งหมด 3 ชิ้นคือ ชามแมว แก้วกระต่ายกับฝาครอบ แล้วก็น้องหมา (ที่ไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นหมารึเปล่า) ซึ่งเค้าคิดค่าเผาอยู่ที่ 130 บาท (อันที่เผามีทั้งราคา 30 บาท และ 40 บาท) เบ็ดเสร็จคอร์สนี้ค่าเสียหายอยู่ที่ 630 บาท


เรามาเทียบความคุ้มค่า ข้อดี ข้อเสียดีกว่าว่าเรียนที่นี่ คอร์สนี้แล้วเป็นยังงัย

• ราคาถูก และใช้เวลาเรียนวันเดียว ที่สำคัญคือ เลิกบ่าย 3 ซึ่งไม่เย็นจนเกินไป
• ปั้นได้อิสระ จะปั้นเท่าไหร่ก็ได้ไม่จำกัดดิน แต่คิดเงินเพิ่มค่าเผา เพราะเค้าคิดเงินเพิ่มตามขนาดที่จะเผา ถ้าถ้วยชาเล็กก็ 25 บาท อย่างของเราก็ไม่ค่อยใหญ่นะ ยังราคา 30-40 บาทเลย ดังนั้นถ้าคิดจะปั้นเยอะๆ ต้องถามราคาดีๆก่อน เดี๋ยวมีช็อค 
• เดินทางเกือบง่าย เพราะอยู่เส้น Airport link ซึ่งเชื่อมต่อเส้น BTS แต่ไกลมาก และยังต้องนั่งวินต่อไปอีก แถมขากลับก็ใช่จะหาวินได้ง่ายๆ จะเดินก็ได้ แต่เดินตั้ง 400 เมตร ซึ่งไม่ใช่วิถีของเรา 😜
• การสอน เราว่ายังไม่ครบเรื่องพื้นฐานเท่าไหร่ แล้วในมุมมองเรา ครูดูไม่ค่อยเอาใจใส่กับการสอนเท่าที่ควร คือเราต้องเป็นคนถามเองมากกว่าที่ครูจะเป็นคนบอก แม้ว่าคนอื่นเค้าเคยเรียนมาแล้ว ครูก็ควรจะสอนเราเพราะเราบอกแล้วว่าไม่เคยเรียน เช่น
• อุปกรณ์ตัวที่ไม่ได้พูดถึงใช้ทำอะไรบ้าง 
• ตอนลงสีจะบอกแค่ว่าสีไหนหน้าตาแบบไหน แต่ไม่บอกว่าทำยังงัยถึงจะเพ้นท์สีให้ดูเรียบสวยและสด 
• จะปั้นน้องหมายังงัย ครูก็แค่พูดว่าจะทำแยกชิ้นส่วนก็ได้ แต่ไม่คิดจะสาธิตให้ดูสักนิด 
• ดินที่เผาออกมาจะเป็นสีอะไร คือถ้าเราไม่ถามครูก็ไม่บอก 
• ตอนที่ต้องการสอบถามระหว่างปั้นผลงาน เพราะบางอย่างลืม อันนี้ครูก็ไม่อยู่ให้ถาม หันไปทีไร ครูหายไปไหน ไม่รู้เป็นเพราะเราเรียนคนเดียวรึเปล่านะ ทั้งๆที่ ถ้าเรียนคนเดียว ควรจะสามารถสอนได้ดีกว่านี้ เพราะเข้าถึงง่าย เราเลยเลือกวันที่ไม่มีคนอื่นเรียน กลับกลายเป็นงี้ไปซะนี่ 😐😐😓 (หรือเราขี้สงสัยไปเอง??)
• ที่นี่เค้าไม่ส่งผลงานให้ทางไปรษณีย์ เลยต้องมารับผลงานเอง คือต้องรอประมาณ 2 อาทิตย์ แล้วเค้าจะแจ้งมา ดังนั้นหากคิดถึงต้นทุนดีๆ จะพบว่า รวมๆแล้วการมาเรียนที่นี่ต้องจ่าย 920 บาท (ค่าเรียน 500 + ค่าเผา 130+ ค่า BTS 60*2 + ค่า Airport link 35*2 + ค่าวินวันที่มาเรียนกับวันที่รับผลงาน 25*4)

ขั้นตอนต่อไปก็อดใจรอผลงาน ว่าสุดท้ายจะออกมาหน้าตาเป็นยังงัย